BUS014 การศึกษาแนวทางการแก้ปัญหาการขาดสภาพคล่องทางการเงินของบริษัท ทีเอ็มเอ็ม จำกัด Posted on 2023-07-19 ระวิวรรณ ประชาบาล poster-bus014-pdf-Raviwan-Prachabarnดาวน์โหลด
1.การรายงานผลควรแสดงผลการวิเคราะห์ กําหนดปัจจัยเชิงกลยุทธ์(TOWS Matrix) ทัCง 4 ประเภท ได้แก่ 1) กลยุทธ์เชิงรุก (SO Strategy) 2) กลยุทธ์เชิงป้องกัน (STStrategy)3) กลยุทธ์เชิงแก้ไข (WO Strategy) และ4) กลยุทธ์เชิงรับ (WT Strategy) 2.ตำแหน่งจุดทศนิยมให้เหมือนกันทุกตำแหน่ง 3.การรายงานผลไม่ปรากฏการวิเคราะห์เพื่อสร้างเป็นทางเลือกในการแก้ไขปัญหาเให้สอดคล้องกับ วัตถุประสงค์ที7ต้องการทราบแนวทางการแก้ปัญหาการขาดสภาพคล่องทางการเงินของบริษัท Reply
เมื่อวิเคราะห์ TOWS แล้วจึงนำการวิเคราะห์ TOWS มาเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาได้ดังนี้ แนวทางการแก้ไขปัญหา แนวทางที่ 1 ปรับปรุงพัฒนาและปรับเปลี่ยนบุคลากร สำหรับพนักงานที่ยังด้อยคุณภาพ ให้มีคุณภาพเพิ่มมากขึ้น (WO กลยุทธ์เชิงแก้ไข) เป็นการปรับปรุงพัฒนา โดยใช้แนวคิดเกี่ยวกับ Competency มาใช้ในการพัฒนาบุคลากรอย่างกว้างขวาง โดยแนวคิดดังกล่าวสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการสรรหา พัฒนา และการประเมินผลงานของบุคลากรได้ตรงความต้องการ ของตำแหน่งงาน และองค์กร แนวทางที่ 2 การศึกษาแนวทางแก้ปัญหาด้านการเงินของบริษัทอย่างรวดเร็ว (WT กลยุทธ์เชิงป้องกัน) จากการสัมภาษณ์เชิงลึกทำให้ทราบว่า กิจการมีกำไรสะสมไม่เพียงพอจึงต้องกู้ยืม กิจการมีต้นทุนของเงินทุนคือ ดอกเบี้ยจ่ายสูง กิจการไม่มีการบริหารลูกหนี้การค้า กิจการไม่มีการวางแผนเรื่องสภาพคล่องและความต้องการใช้เงินอย่างสม่ำเสมอ โดยปัญหาที่เกิด ดังนี้ 1. บริษัทไม่มีประสิทธิภาพในการบริหารเรื่องกำไร 2. ขาดการวางแผนทางการเงิน แนวทางที่ 3 การรักษาลูกค้าเก่าให้ดีที่สุด ติดต่อและพูดคุยให้สิทธิพิเศษกับลูกค้าเก่า (ST กลยุทธ์เชิงรับ) ด้านที่ 1 การรักษาศักยภาพในการทำงาน ด้านที่ 2 การติดตามลูกค้า ด้านที่ 3 การให้ส่วนลด แนวทางที่ 4 สร้างการรับรู้ให้ลูกค้า เพื่อรองรับลูกค้าที่มีโอากศมากขึ้น SO (กลยุทธ์เชิงรุก) • ติดป้ายชื่อบริษัท เมื่อมีการเริ่มดำเนินงาน ที่บริเวณหน้าไซต์งานก่อสร้าง การประเมินกลยุทธ์ในแต่ละทางเลือกจะต้องกำหนดหลักในการประเมินกลยุทธ์โดยใช้หลักการประเมิน ของ Richard Rumelt ประกอบไปด้วย 4 แบบ และนำแต่ละแบบมาพิจารณาในรูปแบบคะแนน คือ มากที่สุด คือ 5 คะแนน มาก คือ 4 คะแนน ปานกลาง คือ 3 คะแนน น้อย คือ 2 คะแนน น้อยที่สุด คือ 1 คะแนน เมื่อลำดับในแต่ละแนวทางเลือกตามแบบประเมินของ Richard Rumelt แล้วจึงเลือกทางเลือกที่มีคะแนนสูงสุดเป็นแนวทางสำหรับการแก้ไขปัญหาต่อไป การประเมินกลยุทธ์แบบ Richard Rumelt ทำให้ทราบว่าแนวทางที่ควรนำมาเป็นทางเลือกสำหรับการแก้ไขปัญหาการขาดสภาพคล่องทางการเงินของบริษัท คือ แนวทางที่ 2 การศึกษาแนวทางแก้ปัญหาด้านการเงินของบริษัทอย่างรวดเร็ว เป็นการปรับปรุงเรื่องการขาดสภาพคล่องทางการเงินของบริษัท โดยจะเลือกเครื่องมือในการแก้ปัญหาให้เหมาะกับองค์กร ดังนี้ 1. ในด้านการบริหารเงินสด การจัดทำงบการเงินและรายงานทางการเงิน การจัดทำงบการเงินและรายงานทางการเงิน ช่วยให้ทราบข้อมูลทางการเงินและสามารถ นำไปใช้วางแผนและบริหารจัดการให้เกิดสภาพคล่องได้ ดังนี้ 1.1 งบการเงิน งบการเงินประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน งบกำไรขาดทุน งบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของ ผู้ถือหุ้น จะช่วยให้บริษัททราบฐานะทางการเงิน สภาพคล่องของกิจการ ผลประกอบการ ที่แท้จริง ความสามารถในการทำกำไร ความสามารถในการชำระหนี้ รวมถึงประสิทธิภาพในการบริหาร สินทรัพย์ของกิจการ ช่วยในการวางแผนบริหารจัดการให้เกิดสภาพคล่องทางการเงิน รายงานทางการเงิน ได้แก่ 1.2 การจัดทำงบประมาณการเงินสด (Cash budget) เพื่อป้องกันไม่ให้เงินขาดมือ การจัดทำ งบประมาณเงินสดนั้นเป็นการวางแผนการใช้เงินระยะสั้นในแต่ละเดือน. โดยมีวิธีการลงบันทึกเงินสดรับว่าในเดือนนี้บริษัทจะได้รับเงินสดจากการขายหรือจากแหล่งเงินไหนเป็นจำนวนเท่าไหร่ สำหรับเงินสดจ่ายบริษัทจะบันทึกว่าในเดือนนี้เรามีรายการจ่ายอะไรบ้างเช่น จ่ายค่าวัตถุดิบ ค่าแรงงาน ค่าใช้จ่ายในการผลิต หรือจ่ายหนี้ที่ต้องชำระในแต่ละเดือน เมื่อนำมาหักลบกันระหว่างเงินสดรับและเงินสดจ่าย บริษัทก็จะทราบว่าจะมีเงินสดเหลือจำนวนเท่าไหร่ หากไม่มีเงินสดเหลือเพียงพอที่จะจ่ายได้ก็จะได้วางแผนจัดหาเงินสดมาได้ทันเวลา การจัดทำงบประมาณการเงินสดรับจ่ายนั้นจำเป็นอย่างมากสำหรับธุรกิจที่มีสภาพคล่องต่ำ มีเงินสดในมือจำนวนน้อย 1.3 งบกระแสเงินสด (Cash Flow Statement) เป็นการจัดทำรายงานกระแสเงินสดเข้าออก แยกตามกิจกรรมต่าง ๆ ได้แก่ กิจกรรมการดำเนินงาน กิจกรรมการลงทุนและกิจกรรม การจัดหาเงิน ซึ่งจะทำให้เจ้าของกิจการสามารถประเมินผลกระทบจากกิจกรรมเหล่านั้นว่า มีผลกระทบต่อฐานะการเงินของกิจการอย่างไร ทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงกระแสเงินสดของ กิจการในช่วงเวลาหนึ่งว่ามีที่มาและใช้ไปย่างไร ช่วยผู้ประกอบการในการบริหารจัดการ เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด รวมทั้งวางแผนทางการเงินในอนาคตของบริษัท 1.4 เร่งขบวนการเก็บเงินให้เร็วขึ้น ในการดำเนินธุรกิจมีความจำเป็นที่ต้องให้เครดิตเทอมกับผู้ซื้อสินค้าจึงทำให้ธุรกิจจำเป็นต้องหาเงินมาเพื่อหมุนเวียนในลูกหนี้การค้าด้วย ยกตัวอย่าง กิจการหนึ่งมียอดขายเดือนละ 100,000 บาทหากให้เครดิตเทอมนาน 30 วันก็ต้องหาเงินสดมาใช้หมุนเวียนในลูกหนี้การค้าเพิ่มอีก 100,000 บาท หากลูกหนี้ชำระไม่ตรงตามกำหนด กิจการก็ยิ่งจำเป็นต้องหาเงินสดมาเพิ่มในส่วนที่ลูกหนี้ยังไม่ชำระอีกด้วย กรณีที่บริษัทมีความต้องการเงินสดมากขึ้น และต้องการใช้เงินด่วน บริษัท ก็สามารถใช้กลยุทธ์การให้ส่วนลดเงินสดกับลูกหนี้การค้าได้ โดยแจ้งตั้งแต่วันซื้อว่าหากคู่ค้าจ่ายเป็นเงินสดภายใน 7 วันเราก็จะให้ส่วนลดอีกร้อยละ 2 (2% ของยอดซื้อ) ซึ่งวิธีนี้จะทำให้ผู้ซื้อที่ต้องการได้รับส่วนลดก็จะซื้อเงินสดทันทีหรือชำระภายใน 7 วัน วิธีการให้ส่วนลดนี้จะช่วยให้กิจการได้เงินสดเร็วขึ้น บริษัทจะใช้ก็เฉพาะกรณีที่ต้องการเงินสดหรือขาดเงินทุนหมุนเวียน นอกจากการให้ส่วนลดเงินสดแล้ว บริษัทจะใช้วิธีเร่งรัดหนี้สินควบคู่ไปพร้อมกันด้วย การเร่งรัดหนี้สินควรทำทันทีที่ลูกหนี้ครบกำหนดการชำระเงินแต่ยังคงผลัดผ่อนไม่ยอมชำระ ก็จำเป็นต้องติดตามทวงถามอย่างใกล้ชิดและระมัดระวังที่จะให้เครดิตเทอมแก่ลูกหนี้รายนี้ในครั้งต่อไปด้วย 1.5 เร่งขบวนการเคลียร์ริ่ง (Clearing process) ให้เร็วขึ้น หากบริษัทได้รับเช็คล่วงหน้าหรือเป็นเช็คของสาขาต่างจังหวัด ก็จะรีบส่งไปรอเคลียร์ริ่งที่ธนาคารให้ตรงกับวันที่ของเช็คโดยไม่ต้องรอให้ถึงวันนั้นแล้วค่อยไปธนาคารเพราะปัจจุบันธนาคารมีบริการด้านการดูแลการเคลียร์ริ่งเช็คให้กับลูกค้าแล้ว1 1.6 ชะลอการจ่ายเงินสดออกให้ช้าที่สุด หากกิจการขาดสภาพคล่องและขาดเงินสดในมือ บริษัทก็มีความจำเป็นต้องพิจารณาว่ามีเจ้าหนี้รายใดที่จะสามารถเจรจาขอยืดอายุการชำระหนี้ให้ช้าลง และมีรายจ่ายรายการใดที่ยังไม่จำเป็นต้องจ่ายได้บ้างก็อาจชะลอการชำระออกไปก่อน สำหรับสิ่งที่ต้องห้ามในการไม่จ่ายนั้นก็คือ ค่าแรง และเงินเดือนพนักงาน รวมทั้งหนี้ที่ครบกำหนดชำระของธนาคาร เพราะรายการเหล่านี้มีผลอย่างมากต่อกิจการ หากพนักงานนำไปพูดภายนอกทำให้กิจการเสียเครดิตได้และยังอาจเสียพนักงานที่ทำงานดี ๆ ไปอีกด้วย นอกจากการพิจารณาเรื่องการชะลอจ่ายเงินให้แก่เจ้าหนี้ บริษัทยังมีก็วิธีการกำหนดขั้นตอนการจ่ายเงินให้กับผู้ขายสินค้าให้กับบริษัทเช่น • กำหนดวันวางบิลโดยกำหนดเดือนละหนึ่งถึงสองครั้ง • กำหนดวันรับเงินให้ห่างกับวันวางบิลซึ่งสามารถยืดระยะเวลาการชำระเงินได้อีกและยังวางแผนการหาเงินสดได้ด้วย • กำหนดเงื่อนไขการชำระเงินเช่นต้องมีเอกสารเพิ่มเติมนอกจากแค่ใบวางบิลเท่านั้นเพื่อเพิ่มความยุ่งยากมากขึ้นทำให้การวางบิลอาจช้าลงได้ 1.7 ควบคุมค่าใช้จ่าย เพื่อให้ได้เงินสดในมือที่เพิ่มขึ้น บริษัทจะวิเคราะห์รายการค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นทั้งหมดว่ามีรายการใดที่ยังลดค่าใช้จ่ายได้อีกเพื่อลดต้นทุนและยังสามารถได้เงินสดเพิ่มขึ้นได้ วิธีการลดค่าใช้จ่ายไม่ควรเกี่ยวข้องกับการลดคุณภาพของสินค้าหรือบริการเด็ดขาดควรเป็นการควบคุมให้ค่าใช้จ่ายอยู่ในเกณฑ์ที่สมเหตุสมผลเท่านั้น 1.8 จัดหาเงินสดใช้เฉพาะส่วนที่ต้องการเท่านั้น เนื่องจากการกู้เงินที่มากเกินความจำเป็นก็ต้องรับภาระดอกเบี้ยมากขึ้นเพราะเงินที่ได้มากขึ้นก็ไม่ได้ก่อเกิดประโยชน์อะไรต้องนำมาฝากในบัญชีออมทรัพย์หรือกระแสเงินสดที่ได้ดอกเบี้ยต่ำกว่าเงินกู้ที่ต้องเสียดอกเบี้ยในอัตราที่สูงกว่าด้วย 1.9 มีการกำหนดการเก็บเงินสดในมือที่เหมาะสม บริษัทจะวิเคราะห์ข้อมูลการใช้เงินในอดีตที่ผ่านมาว่าจะต้องมีเงินสดในมือจำนวนเท่าใดที่ทำให้ไม่ขาดสภาพคล่อง 1.10 การลดระยะเวลา Credit term ที่ให้กับลูกค้า อาจจะลดระยะเวลา Credit term ที่ให้กับลูกค้า จาก 7 วันเป็นจ่ายเงินภายใน 3 วันหลังรับสินค้า ถ้าหากว่าธุรกิจของคุณนั้นมีความสัมพันธ์ทางการค้าที่ดีและสามารถเจรจาต่อรองเรื่อง Credit term กับคู่ค้าได้ วิธีนี้ก็จะสามารถช่วยร่นระยะเวลาของวงจรเงินสดให้อยู่ในขอบเขตได้ 1.11 การเพิ่ม Credit Term จาก Supplier สามารถทำได้ทั้ง เจรจาโดยการเปลี่ยนจาก ที่เคยต้องชำระเงินล่วงหน้าในการสั่งซื้อวัตถุดิบ เป็นขอยืดระยะเวลาในการจ่ายเงินเป็น 30 วันหลังจากรับของ หรือ อาจจะขอยืดระยะเวลาในการจ่ายเงินจากเดิม 30 เป็น 45 หรืออีกหนึ่งวิธีในการเจรจาก็คือจ่ายมัดจำเพียงครึ่งหนึ่งของราคาสินค้า วิธีนี้ก็สามารถช่วยให้สภาพคล่องทางการเงินของคุณนั้นดีขึ้นได้เช่นกัน 1.12 เร่งการผลิตของโรงงานให้เร็วขึ้น บริษัทมีการพัฒนากระบวนการผลิตนั้น บริษัทมีการควบคุมการดำเนินการอย่างใกล้ชิด และถ้าหากว่าระยะเวลาในการดำเนินการนั้นนานเกินไปจนทำให้เกิดอุปสรรคในด้านของการบริหารจัดการการเงินอยู่บ่อยครั้ง การพัฒนาการผลิตหรือเร่งให้ระยะเวลาในการผลิตนั้นสามารถจบได้เร็วขึ้นโดยมีคุณภาพของสินค้าหรือบริหารที่คงเดิมได้ ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยแก้ปัญหาสภาพคล่องทางการเงินให้กับคุณได้เช่นกัน 1.13 ขอระยะเวลา Credit Term กับเจ้าหนี้ บริษัทอาจมีการติดต่อกับเจ้าหน้าที่ธนาคารเพื่อขอยืดระยะเวลาการจ่ายเงิน สำหรับกรณีที่มีการกู้เงินมาจากแหล่งสินเชื่อต่าง ๆ และมีกำหนดระยะเวลาในการคืนเงินที่ชัดเจน วิธีนี้อาจจะเป็นวิธีที่สามารถทำได้ยาก มีหลายขั้นตอน หรืออาจจะต้องมีต้นทุนในการดำเนินการเพิ่มเติม 2. การบริหารจัดการระบบการรับชำระเงิน มีการแก้ไขดังนี้ โดยทั่วไปกิจการมีการขายสินค้าหรือบริการ และรับชำระเงินเป็นเงินสดหรือเป็นการขายเชื่อ ซึ่งการบริหารจัดการระบบการรับชำระเงินเป็นวิธีหนึ่งในการบริหารจัดการ Cash Flow ประกอบด้วย 2.1 การวิเคราะห์เครดิตลูกหนี้รายตัว บริษัทจะมีการตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้า เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงจากการเกิดหนี้สูญ ในการขายสินค้าและบริการ กรณีลูกค้าที่เป็นนิติบุคคล กิจการสามารถสืบค้นข้อมูลของนิติบุคคล ได้แก่ สถานะนิติบุคคล,ที่ตั้ง,ประวัติการเปลี่ยนแปลง,ทุนจดทะเบียน เป็นต้น และข้อมูลงบการเงินจากเว็บไซต์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า สำหรับลูกค้าบุคคลธรรมดา การวิเคราะห์เครดิตทำได้จากการตรวจสอบสำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน การตรวจสอบรายชื่อบุคคลล้มละลายจากกรมบังคับคดี รวมไปถึงการพิมพ์ชื่อและนามสกุลของลูกค้าใน google ว่ามีคดีความหรือไม่ หรือการสอบถามเครดิตและประวัติการชำระหนี้จากคู่ค้าของลูกค้า 2.2 การกำหนดนโยบายการติดตามหนี้ค้างชำระ บริษัทจะกำหนดระเบียบปฏิบัติเพื่อเป็นแนวทางที่ชัดเจนและเป็นขั้นตอนสำหรับเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในการติดตามหนี้ค้างชำระจากลูกหนี้ เช่น กำหนดให้พนักงานขายทวงถาม เมื่อพ้นกำหนดการชำระหนี้ไปแล้ว 1 เดือน การส่งจดหมายทวงถามจากฝ่ายบัญชีของกิจการ เมื่อพ้นกำหนดการชำระหนี้ไปแล้ว 3 เดือน การส่งจดหมายจากทนายความไปยังลูกหนี้เมื่อ พ้นกำหนดการชำระหนี้ไปแล้ว 6 เดือน เป็นต้น 3. การบริหารจัดการสินค้าคงเหลือ สินค้าคงเหลือ ได้แก่ วัตถุดิบ งานระหว่างทำ (work in process) สินค้าสำเร็จรูป อะไหล่และ วัสดุซ่อมบำรุง บริษัทจะมีการบริหารสินค้าคงเหลือให้ดียิ่งขึ้น การวางแผนจัดการสินค้าที่ยังไม่ได้ขาย ดูแลจัดการการไหลเวียน ของสินค้า ตั้งแต่กระบวนการผลิต การจัดเก็บ จนถึงกระบวนการจัดจำหน่าย การบริหารจัดการ สินค้าคงเหลือจะช่วยให้กิจการมีเงินทุนหมุนเวียนมากขึ้น ลดการเสียโอกาสจากเงินทุนจมในสินค้า การบริหารสินค้าคงเหลือ ได้แก่ 3.1 การวางแผนการสั่งซื้อวัตถุดิบ ในการวางแผนการสั่งซื้อวัตถุดิบของกิจการ กิจการสามารถคำนวณปริมาณการสั่งซื้อ ที่ทำให้ประหยัด ต้นทุนการสั่งซื้อและต้นทุนในการเก็บรักษา โดยการวิเคราะห์จุดสั่งซื้อ หมายถึงจุดที่เตือนสำหรับ การสั่งซื้อในรอบต่อไป การประเมินระยะเวลาที่ใช้ในการรอสินค้า หมายถึง เวลาทั้งหมดที่ใช้ในการ สั่งซื้อ รอสินค้า จนได้สินค้า หรือเรียกว่าระยะเวลา Lead Time 3.2 การกำหนดปริมาณสินค้าคงเหลือที่เหมาะสม ปริมาณสินค้าคงเหลือที่เหมาะสม หรือ Safety Stock บริษัทจะกำหนดจำนวนสินค้าสำรอง เพื่อให้มีสต็อกสินค้าเพียงพอกับความต้องการของลูกค้า โดยใช้วิธี จดบันทึกรายการสินค้าเข้าออก ทำให้บริษัทรทราบว่าสินค้าใดเป็นสินค้าทำกำไร จะได้ทำสั่งซื้อหรือผลิตให้เพียงพอต่อความ ต้องการของลูกค้า หรือสินค้าใดควรมีการลดราคา สินค้าใดมีการเสื่อมสภาพหรือล้าสมัย 3.3 การเจรจาต่อรองในการขอส่วนลดเมื่อปริมาณสั่งซื้อวัตถุดิบเป็นจำนวนมาก สำหรับที่มีการซื้อวัตถุดิบอย่างสม่ำเสมอและทราบปริมาณการใช้ที่แน่นอน บริษัทจะทำการเจรจากับผู้ขาย เพื่อทำสัญญาตกลงซื้อวัตถุดิบทั้งปีและขอส่วนลด โดยให้ผู้ขายทยอยส่งของทุกเดือน 3.4 การตรวจนับสินค้าคงเหลือสม่ำเสมอ บริษัทจะมีการตรวจนับสินค้าคงเหลืออย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง หรือมีการสุ่มตรวจสินค้าบางรายการทุกเดือนเพื่อให้ทราบว่าสินค้าคงเหลือที่บันทึกบัญชีตรงกับปริมาณสินค้าคงเหลือที่มีอยู่จริงหรือไม่ และช่วย ป้องกันการสูญหายของสินค้าจากการทุจริตหรือโจรกรรมได้ นอกจากนี้ในการตรวจนับสินค้าคงเหลือยังทำให้ทราบสินค้าที่เป็น Dead Stock ซึ่งเป็นสินค้าหมดอายุ เสื่อมสภาพหรือสินค้าล้าสมัย 3.5 การจัดให้มีระบบการควบคุมภายใน บริษัทจะพัฒนาระบบการควบคุมภายในเป็นการจัดการให้การดำเนินงานขององค์กรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ บรรลุเป้าหมายขององค์กร ช่วยลดการสูญหายของทรัพย์สิน ลดการทุจริต มีการปฏิบัติงาน เป็นไปตามขั้นตอนและนโยบายของกิจการ ระบบการควบคุมภายในจะช่วยให้การดำเนินการของกิจการเกิดสภาพคล่องมากขึ้นการจัดให้มีระบบการควบคุมภายในสำหรับกิจการมีดังต่อไปนี้ • การแยกบัญชีส่วนตัวกับบัญชีของธุรกิจ บัญชีส่วนตัวของเจ้าของกิจการกับบัญชีของธุรกิจควรแยกออกจากกัน เพื่อให้ผู้ประกอบการทราบถึง ตัวเลขกำไรคงเหลือและกระแสเงินสด สามารถบริหารจัดการรายได้ ค่าใช้จ่ายของกิจการ รวมทั้งสามารถกำหนดค่าตอบแทนของเจ้าของกิจการในรูปของเงินเดือน เพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว • การบริหารจัดการเงินทุนหมุนเวียน เงินทุนหมุนเวียนเป็นเงินทุนสำรองสำหรับไว้ใช้จ่ายในกิจการก่อนที่จะได้รับเงินจากค่าขายสินค้าหรือ บริการ กิจการควรกำหนดวงเงินสำหรับเงินทุนหมุนเวียน เนื่องจากจะช่วยให้กิจการทราบถึงเงินสำรอง ที่ต้องมีไว้ เพื่อจะได้บริหารจัดการรายรับจากการขายสินค้าหรือบริการ และบริหารการจัดเก็บเงินจาก ลูกหนี้ให้สมดุลกับต้นทุนสินค้าและรายจ่ายของกิจการ โดยการกำหนดวงเงินสามารถประเมิน ได้จาก ลูกหนี้การค้า เจ้าหนี้การค้า สต็อกสินค้าของกิจการ Reply
ผู้วิจัยอาจจะต้องแก้ไขก่อนนำไปเข้าเล่ม เนื่องจากกการรายงานผลไม่สมบูรณ์ ดังนี้1.การรายงานผลควรแสดงผลการวิเคราะห์ กําหนดปัจจัยเชิงกลยุทธ์(TOWS Matrix) ทั้ง 4 ประเภท ได้แก่ 1) กลยุทธ์เชิงรุก (SO Strategy) 2) กลยุทธ์เชิงป้องกัน (STStrategy)3) กลยุทธ์เชิงแก้ไข (WO Strategy) และ4) กลยุทธ์เชิงรับ (WT Strategy) 2.ตำแหน่งจุดทศนิยมให้เหมือนกันทุกตำแหน่ง 3.การรายงานผลไม่ปรากฏการวิเคราะห์เพื่อสร้างเป็นทางเลือกในการแก้ไขปัญหาให้สอดคล้องกับ วัตถุประสงค์ที7ต้องการทราบแนวทางการแก้ปัญหาการขาดสภาพคล่องทางการเงินของบริษัท Reply
1.การรายงานผลควรแสดงผลการวิเคราะห์ กําหนดปัจจัยเชิงกลยุทธ์(TOWS Matrix) ทัCง 4 ประเภท ได้แก่ 1) กลยุทธ์เชิงรุก (SO Strategy) 2) กลยุทธ์เชิงป้องกัน (STStrategy)3) กลยุทธ์เชิงแก้ไข (WO Strategy) และ4) กลยุทธ์เชิงรับ (WT Strategy)
2.ตำแหน่งจุดทศนิยมให้เหมือนกันทุกตำแหน่ง
3.การรายงานผลไม่ปรากฏการวิเคราะห์เพื่อสร้างเป็นทางเลือกในการแก้ไขปัญหาเให้สอดคล้องกับ
วัตถุประสงค์ที7ต้องการทราบแนวทางการแก้ปัญหาการขาดสภาพคล่องทางการเงินของบริษัท
เมื่อวิเคราะห์ TOWS แล้วจึงนำการวิเคราะห์ TOWS มาเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาได้ดังนี้
แนวทางการแก้ไขปัญหา
แนวทางที่ 1 ปรับปรุงพัฒนาและปรับเปลี่ยนบุคลากร สำหรับพนักงานที่ยังด้อยคุณภาพ ให้มีคุณภาพเพิ่มมากขึ้น (WO กลยุทธ์เชิงแก้ไข) เป็นการปรับปรุงพัฒนา โดยใช้แนวคิดเกี่ยวกับ Competency มาใช้ในการพัฒนาบุคลากรอย่างกว้างขวาง โดยแนวคิดดังกล่าวสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการสรรหา พัฒนา และการประเมินผลงานของบุคลากรได้ตรงความต้องการ ของตำแหน่งงาน และองค์กร
แนวทางที่ 2 การศึกษาแนวทางแก้ปัญหาด้านการเงินของบริษัทอย่างรวดเร็ว (WT กลยุทธ์เชิงป้องกัน) จากการสัมภาษณ์เชิงลึกทำให้ทราบว่า กิจการมีกำไรสะสมไม่เพียงพอจึงต้องกู้ยืม กิจการมีต้นทุนของเงินทุนคือ ดอกเบี้ยจ่ายสูง กิจการไม่มีการบริหารลูกหนี้การค้า กิจการไม่มีการวางแผนเรื่องสภาพคล่องและความต้องการใช้เงินอย่างสม่ำเสมอ โดยปัญหาที่เกิด ดังนี้
1. บริษัทไม่มีประสิทธิภาพในการบริหารเรื่องกำไร
2. ขาดการวางแผนทางการเงิน
แนวทางที่ 3 การรักษาลูกค้าเก่าให้ดีที่สุด ติดต่อและพูดคุยให้สิทธิพิเศษกับลูกค้าเก่า (ST กลยุทธ์เชิงรับ)
ด้านที่ 1 การรักษาศักยภาพในการทำงาน
ด้านที่ 2 การติดตามลูกค้า
ด้านที่ 3 การให้ส่วนลด
แนวทางที่ 4 สร้างการรับรู้ให้ลูกค้า เพื่อรองรับลูกค้าที่มีโอากศมากขึ้น SO (กลยุทธ์เชิงรุก)
• ติดป้ายชื่อบริษัท เมื่อมีการเริ่มดำเนินงาน ที่บริเวณหน้าไซต์งานก่อสร้าง
การประเมินกลยุทธ์ในแต่ละทางเลือกจะต้องกำหนดหลักในการประเมินกลยุทธ์โดยใช้หลักการประเมิน ของ Richard Rumelt ประกอบไปด้วย 4 แบบ และนำแต่ละแบบมาพิจารณาในรูปแบบคะแนน คือ
มากที่สุด คือ 5 คะแนน
มาก คือ 4 คะแนน
ปานกลาง คือ 3 คะแนน
น้อย คือ 2 คะแนน
น้อยที่สุด คือ 1 คะแนน
เมื่อลำดับในแต่ละแนวทางเลือกตามแบบประเมินของ Richard Rumelt แล้วจึงเลือกทางเลือกที่มีคะแนนสูงสุดเป็นแนวทางสำหรับการแก้ไขปัญหาต่อไป
การประเมินกลยุทธ์แบบ Richard Rumelt ทำให้ทราบว่าแนวทางที่ควรนำมาเป็นทางเลือกสำหรับการแก้ไขปัญหาการขาดสภาพคล่องทางการเงินของบริษัท คือ
แนวทางที่ 2 การศึกษาแนวทางแก้ปัญหาด้านการเงินของบริษัทอย่างรวดเร็ว เป็นการปรับปรุงเรื่องการขาดสภาพคล่องทางการเงินของบริษัท โดยจะเลือกเครื่องมือในการแก้ปัญหาให้เหมาะกับองค์กร ดังนี้
1. ในด้านการบริหารเงินสด
การจัดทำงบการเงินและรายงานทางการเงิน การจัดทำงบการเงินและรายงานทางการเงิน ช่วยให้ทราบข้อมูลทางการเงินและสามารถ นำไปใช้วางแผนและบริหารจัดการให้เกิดสภาพคล่องได้ ดังนี้
1.1 งบการเงิน งบการเงินประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน งบกำไรขาดทุน งบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของ ผู้ถือหุ้น จะช่วยให้บริษัททราบฐานะทางการเงิน สภาพคล่องของกิจการ ผลประกอบการ ที่แท้จริง ความสามารถในการทำกำไร ความสามารถในการชำระหนี้ รวมถึงประสิทธิภาพในการบริหาร สินทรัพย์ของกิจการ ช่วยในการวางแผนบริหารจัดการให้เกิดสภาพคล่องทางการเงิน รายงานทางการเงิน ได้แก่
1.2 การจัดทำงบประมาณการเงินสด (Cash budget) เพื่อป้องกันไม่ให้เงินขาดมือ การจัดทำ งบประมาณเงินสดนั้นเป็นการวางแผนการใช้เงินระยะสั้นในแต่ละเดือน. โดยมีวิธีการลงบันทึกเงินสดรับว่าในเดือนนี้บริษัทจะได้รับเงินสดจากการขายหรือจากแหล่งเงินไหนเป็นจำนวนเท่าไหร่ สำหรับเงินสดจ่ายบริษัทจะบันทึกว่าในเดือนนี้เรามีรายการจ่ายอะไรบ้างเช่น จ่ายค่าวัตถุดิบ ค่าแรงงาน ค่าใช้จ่ายในการผลิต หรือจ่ายหนี้ที่ต้องชำระในแต่ละเดือน เมื่อนำมาหักลบกันระหว่างเงินสดรับและเงินสดจ่าย บริษัทก็จะทราบว่าจะมีเงินสดเหลือจำนวนเท่าไหร่ หากไม่มีเงินสดเหลือเพียงพอที่จะจ่ายได้ก็จะได้วางแผนจัดหาเงินสดมาได้ทันเวลา การจัดทำงบประมาณการเงินสดรับจ่ายนั้นจำเป็นอย่างมากสำหรับธุรกิจที่มีสภาพคล่องต่ำ มีเงินสดในมือจำนวนน้อย
1.3 งบกระแสเงินสด (Cash Flow Statement) เป็นการจัดทำรายงานกระแสเงินสดเข้าออก แยกตามกิจกรรมต่าง ๆ ได้แก่ กิจกรรมการดำเนินงาน กิจกรรมการลงทุนและกิจกรรม การจัดหาเงิน ซึ่งจะทำให้เจ้าของกิจการสามารถประเมินผลกระทบจากกิจกรรมเหล่านั้นว่า มีผลกระทบต่อฐานะการเงินของกิจการอย่างไร ทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงกระแสเงินสดของ กิจการในช่วงเวลาหนึ่งว่ามีที่มาและใช้ไปย่างไร ช่วยผู้ประกอบการในการบริหารจัดการ เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด รวมทั้งวางแผนทางการเงินในอนาคตของบริษัท
1.4 เร่งขบวนการเก็บเงินให้เร็วขึ้น ในการดำเนินธุรกิจมีความจำเป็นที่ต้องให้เครดิตเทอมกับผู้ซื้อสินค้าจึงทำให้ธุรกิจจำเป็นต้องหาเงินมาเพื่อหมุนเวียนในลูกหนี้การค้าด้วย ยกตัวอย่าง กิจการหนึ่งมียอดขายเดือนละ 100,000 บาทหากให้เครดิตเทอมนาน 30 วันก็ต้องหาเงินสดมาใช้หมุนเวียนในลูกหนี้การค้าเพิ่มอีก 100,000 บาท หากลูกหนี้ชำระไม่ตรงตามกำหนด กิจการก็ยิ่งจำเป็นต้องหาเงินสดมาเพิ่มในส่วนที่ลูกหนี้ยังไม่ชำระอีกด้วย กรณีที่บริษัทมีความต้องการเงินสดมากขึ้น และต้องการใช้เงินด่วน บริษัท ก็สามารถใช้กลยุทธ์การให้ส่วนลดเงินสดกับลูกหนี้การค้าได้ โดยแจ้งตั้งแต่วันซื้อว่าหากคู่ค้าจ่ายเป็นเงินสดภายใน 7 วันเราก็จะให้ส่วนลดอีกร้อยละ 2 (2% ของยอดซื้อ) ซึ่งวิธีนี้จะทำให้ผู้ซื้อที่ต้องการได้รับส่วนลดก็จะซื้อเงินสดทันทีหรือชำระภายใน 7 วัน วิธีการให้ส่วนลดนี้จะช่วยให้กิจการได้เงินสดเร็วขึ้น บริษัทจะใช้ก็เฉพาะกรณีที่ต้องการเงินสดหรือขาดเงินทุนหมุนเวียน นอกจากการให้ส่วนลดเงินสดแล้ว บริษัทจะใช้วิธีเร่งรัดหนี้สินควบคู่ไปพร้อมกันด้วย การเร่งรัดหนี้สินควรทำทันทีที่ลูกหนี้ครบกำหนดการชำระเงินแต่ยังคงผลัดผ่อนไม่ยอมชำระ ก็จำเป็นต้องติดตามทวงถามอย่างใกล้ชิดและระมัดระวังที่จะให้เครดิตเทอมแก่ลูกหนี้รายนี้ในครั้งต่อไปด้วย
1.5 เร่งขบวนการเคลียร์ริ่ง (Clearing process) ให้เร็วขึ้น หากบริษัทได้รับเช็คล่วงหน้าหรือเป็นเช็คของสาขาต่างจังหวัด ก็จะรีบส่งไปรอเคลียร์ริ่งที่ธนาคารให้ตรงกับวันที่ของเช็คโดยไม่ต้องรอให้ถึงวันนั้นแล้วค่อยไปธนาคารเพราะปัจจุบันธนาคารมีบริการด้านการดูแลการเคลียร์ริ่งเช็คให้กับลูกค้าแล้ว1
1.6 ชะลอการจ่ายเงินสดออกให้ช้าที่สุด หากกิจการขาดสภาพคล่องและขาดเงินสดในมือ บริษัทก็มีความจำเป็นต้องพิจารณาว่ามีเจ้าหนี้รายใดที่จะสามารถเจรจาขอยืดอายุการชำระหนี้ให้ช้าลง และมีรายจ่ายรายการใดที่ยังไม่จำเป็นต้องจ่ายได้บ้างก็อาจชะลอการชำระออกไปก่อน สำหรับสิ่งที่ต้องห้ามในการไม่จ่ายนั้นก็คือ ค่าแรง และเงินเดือนพนักงาน รวมทั้งหนี้ที่ครบกำหนดชำระของธนาคาร เพราะรายการเหล่านี้มีผลอย่างมากต่อกิจการ หากพนักงานนำไปพูดภายนอกทำให้กิจการเสียเครดิตได้และยังอาจเสียพนักงานที่ทำงานดี ๆ ไปอีกด้วย นอกจากการพิจารณาเรื่องการชะลอจ่ายเงินให้แก่เจ้าหนี้ บริษัทยังมีก็วิธีการกำหนดขั้นตอนการจ่ายเงินให้กับผู้ขายสินค้าให้กับบริษัทเช่น
• กำหนดวันวางบิลโดยกำหนดเดือนละหนึ่งถึงสองครั้ง
• กำหนดวันรับเงินให้ห่างกับวันวางบิลซึ่งสามารถยืดระยะเวลาการชำระเงินได้อีกและยังวางแผนการหาเงินสดได้ด้วย
• กำหนดเงื่อนไขการชำระเงินเช่นต้องมีเอกสารเพิ่มเติมนอกจากแค่ใบวางบิลเท่านั้นเพื่อเพิ่มความยุ่งยากมากขึ้นทำให้การวางบิลอาจช้าลงได้
1.7 ควบคุมค่าใช้จ่าย เพื่อให้ได้เงินสดในมือที่เพิ่มขึ้น บริษัทจะวิเคราะห์รายการค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นทั้งหมดว่ามีรายการใดที่ยังลดค่าใช้จ่ายได้อีกเพื่อลดต้นทุนและยังสามารถได้เงินสดเพิ่มขึ้นได้ วิธีการลดค่าใช้จ่ายไม่ควรเกี่ยวข้องกับการลดคุณภาพของสินค้าหรือบริการเด็ดขาดควรเป็นการควบคุมให้ค่าใช้จ่ายอยู่ในเกณฑ์ที่สมเหตุสมผลเท่านั้น
1.8 จัดหาเงินสดใช้เฉพาะส่วนที่ต้องการเท่านั้น เนื่องจากการกู้เงินที่มากเกินความจำเป็นก็ต้องรับภาระดอกเบี้ยมากขึ้นเพราะเงินที่ได้มากขึ้นก็ไม่ได้ก่อเกิดประโยชน์อะไรต้องนำมาฝากในบัญชีออมทรัพย์หรือกระแสเงินสดที่ได้ดอกเบี้ยต่ำกว่าเงินกู้ที่ต้องเสียดอกเบี้ยในอัตราที่สูงกว่าด้วย
1.9 มีการกำหนดการเก็บเงินสดในมือที่เหมาะสม บริษัทจะวิเคราะห์ข้อมูลการใช้เงินในอดีตที่ผ่านมาว่าจะต้องมีเงินสดในมือจำนวนเท่าใดที่ทำให้ไม่ขาดสภาพคล่อง
1.10 การลดระยะเวลา Credit term ที่ให้กับลูกค้า อาจจะลดระยะเวลา Credit term ที่ให้กับลูกค้า จาก 7 วันเป็นจ่ายเงินภายใน 3 วันหลังรับสินค้า ถ้าหากว่าธุรกิจของคุณนั้นมีความสัมพันธ์ทางการค้าที่ดีและสามารถเจรจาต่อรองเรื่อง Credit term กับคู่ค้าได้ วิธีนี้ก็จะสามารถช่วยร่นระยะเวลาของวงจรเงินสดให้อยู่ในขอบเขตได้
1.11 การเพิ่ม Credit Term จาก Supplier สามารถทำได้ทั้ง เจรจาโดยการเปลี่ยนจาก ที่เคยต้องชำระเงินล่วงหน้าในการสั่งซื้อวัตถุดิบ เป็นขอยืดระยะเวลาในการจ่ายเงินเป็น 30 วันหลังจากรับของ หรือ อาจจะขอยืดระยะเวลาในการจ่ายเงินจากเดิม 30 เป็น 45 หรืออีกหนึ่งวิธีในการเจรจาก็คือจ่ายมัดจำเพียงครึ่งหนึ่งของราคาสินค้า วิธีนี้ก็สามารถช่วยให้สภาพคล่องทางการเงินของคุณนั้นดีขึ้นได้เช่นกัน
1.12 เร่งการผลิตของโรงงานให้เร็วขึ้น บริษัทมีการพัฒนากระบวนการผลิตนั้น บริษัทมีการควบคุมการดำเนินการอย่างใกล้ชิด และถ้าหากว่าระยะเวลาในการดำเนินการนั้นนานเกินไปจนทำให้เกิดอุปสรรคในด้านของการบริหารจัดการการเงินอยู่บ่อยครั้ง การพัฒนาการผลิตหรือเร่งให้ระยะเวลาในการผลิตนั้นสามารถจบได้เร็วขึ้นโดยมีคุณภาพของสินค้าหรือบริหารที่คงเดิมได้ ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยแก้ปัญหาสภาพคล่องทางการเงินให้กับคุณได้เช่นกัน
1.13 ขอระยะเวลา Credit Term กับเจ้าหนี้ บริษัทอาจมีการติดต่อกับเจ้าหน้าที่ธนาคารเพื่อขอยืดระยะเวลาการจ่ายเงิน สำหรับกรณีที่มีการกู้เงินมาจากแหล่งสินเชื่อต่าง ๆ และมีกำหนดระยะเวลาในการคืนเงินที่ชัดเจน วิธีนี้อาจจะเป็นวิธีที่สามารถทำได้ยาก มีหลายขั้นตอน หรืออาจจะต้องมีต้นทุนในการดำเนินการเพิ่มเติม
2. การบริหารจัดการระบบการรับชำระเงิน มีการแก้ไขดังนี้
โดยทั่วไปกิจการมีการขายสินค้าหรือบริการ และรับชำระเงินเป็นเงินสดหรือเป็นการขายเชื่อ ซึ่งการบริหารจัดการระบบการรับชำระเงินเป็นวิธีหนึ่งในการบริหารจัดการ Cash Flow ประกอบด้วย
2.1 การวิเคราะห์เครดิตลูกหนี้รายตัว บริษัทจะมีการตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้า เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงจากการเกิดหนี้สูญ ในการขายสินค้าและบริการ กรณีลูกค้าที่เป็นนิติบุคคล กิจการสามารถสืบค้นข้อมูลของนิติบุคคล ได้แก่ สถานะนิติบุคคล,ที่ตั้ง,ประวัติการเปลี่ยนแปลง,ทุนจดทะเบียน เป็นต้น และข้อมูลงบการเงินจากเว็บไซต์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า สำหรับลูกค้าบุคคลธรรมดา การวิเคราะห์เครดิตทำได้จากการตรวจสอบสำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน การตรวจสอบรายชื่อบุคคลล้มละลายจากกรมบังคับคดี รวมไปถึงการพิมพ์ชื่อและนามสกุลของลูกค้าใน google ว่ามีคดีความหรือไม่ หรือการสอบถามเครดิตและประวัติการชำระหนี้จากคู่ค้าของลูกค้า
2.2 การกำหนดนโยบายการติดตามหนี้ค้างชำระ บริษัทจะกำหนดระเบียบปฏิบัติเพื่อเป็นแนวทางที่ชัดเจนและเป็นขั้นตอนสำหรับเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในการติดตามหนี้ค้างชำระจากลูกหนี้ เช่น กำหนดให้พนักงานขายทวงถาม เมื่อพ้นกำหนดการชำระหนี้ไปแล้ว 1 เดือน การส่งจดหมายทวงถามจากฝ่ายบัญชีของกิจการ เมื่อพ้นกำหนดการชำระหนี้ไปแล้ว 3 เดือน การส่งจดหมายจากทนายความไปยังลูกหนี้เมื่อ พ้นกำหนดการชำระหนี้ไปแล้ว 6 เดือน เป็นต้น
3. การบริหารจัดการสินค้าคงเหลือ
สินค้าคงเหลือ ได้แก่ วัตถุดิบ งานระหว่างทำ (work in process) สินค้าสำเร็จรูป อะไหล่และ วัสดุซ่อมบำรุง บริษัทจะมีการบริหารสินค้าคงเหลือให้ดียิ่งขึ้น การวางแผนจัดการสินค้าที่ยังไม่ได้ขาย ดูแลจัดการการไหลเวียน ของสินค้า ตั้งแต่กระบวนการผลิต การจัดเก็บ จนถึงกระบวนการจัดจำหน่าย การบริหารจัดการ สินค้าคงเหลือจะช่วยให้กิจการมีเงินทุนหมุนเวียนมากขึ้น ลดการเสียโอกาสจากเงินทุนจมในสินค้า การบริหารสินค้าคงเหลือ ได้แก่
3.1 การวางแผนการสั่งซื้อวัตถุดิบ ในการวางแผนการสั่งซื้อวัตถุดิบของกิจการ กิจการสามารถคำนวณปริมาณการสั่งซื้อ ที่ทำให้ประหยัด ต้นทุนการสั่งซื้อและต้นทุนในการเก็บรักษา โดยการวิเคราะห์จุดสั่งซื้อ หมายถึงจุดที่เตือนสำหรับ การสั่งซื้อในรอบต่อไป การประเมินระยะเวลาที่ใช้ในการรอสินค้า หมายถึง เวลาทั้งหมดที่ใช้ในการ สั่งซื้อ รอสินค้า จนได้สินค้า หรือเรียกว่าระยะเวลา Lead Time
3.2 การกำหนดปริมาณสินค้าคงเหลือที่เหมาะสม ปริมาณสินค้าคงเหลือที่เหมาะสม หรือ Safety Stock บริษัทจะกำหนดจำนวนสินค้าสำรอง เพื่อให้มีสต็อกสินค้าเพียงพอกับความต้องการของลูกค้า โดยใช้วิธี จดบันทึกรายการสินค้าเข้าออก ทำให้บริษัทรทราบว่าสินค้าใดเป็นสินค้าทำกำไร จะได้ทำสั่งซื้อหรือผลิตให้เพียงพอต่อความ ต้องการของลูกค้า หรือสินค้าใดควรมีการลดราคา สินค้าใดมีการเสื่อมสภาพหรือล้าสมัย
3.3 การเจรจาต่อรองในการขอส่วนลดเมื่อปริมาณสั่งซื้อวัตถุดิบเป็นจำนวนมาก สำหรับที่มีการซื้อวัตถุดิบอย่างสม่ำเสมอและทราบปริมาณการใช้ที่แน่นอน บริษัทจะทำการเจรจากับผู้ขาย เพื่อทำสัญญาตกลงซื้อวัตถุดิบทั้งปีและขอส่วนลด โดยให้ผู้ขายทยอยส่งของทุกเดือน
3.4 การตรวจนับสินค้าคงเหลือสม่ำเสมอ บริษัทจะมีการตรวจนับสินค้าคงเหลืออย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง หรือมีการสุ่มตรวจสินค้าบางรายการทุกเดือนเพื่อให้ทราบว่าสินค้าคงเหลือที่บันทึกบัญชีตรงกับปริมาณสินค้าคงเหลือที่มีอยู่จริงหรือไม่ และช่วย ป้องกันการสูญหายของสินค้าจากการทุจริตหรือโจรกรรมได้ นอกจากนี้ในการตรวจนับสินค้าคงเหลือยังทำให้ทราบสินค้าที่เป็น Dead Stock ซึ่งเป็นสินค้าหมดอายุ เสื่อมสภาพหรือสินค้าล้าสมัย
3.5 การจัดให้มีระบบการควบคุมภายใน บริษัทจะพัฒนาระบบการควบคุมภายในเป็นการจัดการให้การดำเนินงานขององค์กรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ บรรลุเป้าหมายขององค์กร ช่วยลดการสูญหายของทรัพย์สิน ลดการทุจริต มีการปฏิบัติงาน เป็นไปตามขั้นตอนและนโยบายของกิจการ ระบบการควบคุมภายในจะช่วยให้การดำเนินการของกิจการเกิดสภาพคล่องมากขึ้นการจัดให้มีระบบการควบคุมภายในสำหรับกิจการมีดังต่อไปนี้
• การแยกบัญชีส่วนตัวกับบัญชีของธุรกิจ
บัญชีส่วนตัวของเจ้าของกิจการกับบัญชีของธุรกิจควรแยกออกจากกัน เพื่อให้ผู้ประกอบการทราบถึง ตัวเลขกำไรคงเหลือและกระแสเงินสด สามารถบริหารจัดการรายได้ ค่าใช้จ่ายของกิจการ รวมทั้งสามารถกำหนดค่าตอบแทนของเจ้าของกิจการในรูปของเงินเดือน เพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว
• การบริหารจัดการเงินทุนหมุนเวียน
เงินทุนหมุนเวียนเป็นเงินทุนสำรองสำหรับไว้ใช้จ่ายในกิจการก่อนที่จะได้รับเงินจากค่าขายสินค้าหรือ บริการ กิจการควรกำหนดวงเงินสำหรับเงินทุนหมุนเวียน เนื่องจากจะช่วยให้กิจการทราบถึงเงินสำรอง ที่ต้องมีไว้ เพื่อจะได้บริหารจัดการรายรับจากการขายสินค้าหรือบริการ และบริหารการจัดเก็บเงินจาก ลูกหนี้ให้สมดุลกับต้นทุนสินค้าและรายจ่ายของกิจการ โดยการกำหนดวงเงินสามารถประเมิน ได้จาก ลูกหนี้การค้า เจ้าหนี้การค้า สต็อกสินค้าของกิจการ
ผู้วิจัยอาจจะต้องแก้ไขก่อนนำไปเข้าเล่ม เนื่องจากกการรายงานผลไม่สมบูรณ์ ดังนี้1.การรายงานผลควรแสดงผลการวิเคราะห์ กําหนดปัจจัยเชิงกลยุทธ์(TOWS Matrix) ทั้ง 4 ประเภท ได้แก่ 1) กลยุทธ์เชิงรุก (SO Strategy) 2) กลยุทธ์เชิงป้องกัน (STStrategy)3) กลยุทธ์เชิงแก้ไข (WO Strategy) และ4) กลยุทธ์เชิงรับ (WT Strategy)
2.ตำแหน่งจุดทศนิยมให้เหมือนกันทุกตำแหน่ง
3.การรายงานผลไม่ปรากฏการวิเคราะห์เพื่อสร้างเป็นทางเลือกในการแก้ไขปัญหาให้สอดคล้องกับ
วัตถุประสงค์ที7ต้องการทราบแนวทางการแก้ปัญหาการขาดสภาพคล่องทางการเงินของบริษัท